ร่วมงานกับเรา
ข่าวสารรถจักรยานยนต์ทั่วไป > 2550 > ที-ยูไนเต็ดผุดรง.ผลิตสกู๊ตเตอร์ไฮบริดในปท.
ที-ยูไนเต็ดผุดรง.ผลิตสกู๊ตเตอร์ไฮบริดในปท.
ที่มา – ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 8-10 ม.ค.50

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า "ที-ยูไนเต็ด" ตั้งเป้าปีนี้ขอ 6 พันคัน หลังตลาดสกู๊ตเตอร์บูม เดินหน้าเจาะตลาดโรงงานและนิคมอุตสาหกรรม ประกาศเตรียมตั้งโรงงานผลิตสกู๊ตเตอร์ไฮบริดในประเทศ รองรับตลาดที่โตสูงถึง 20%

นางสาวทัศนีย์ ตรัยรัตนพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูเซ่นเอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด ผู้นำเข้ารถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ภายใต้แบรนด์ "ที-ยูไนเต็ด" เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า บริษัทมีแผนในการสร้างโรงงานผลิตและประกอบรถจักรยานยนต์สกู๊ต เตอร์ไฮบริดขึ้นในประเทศไทย ส่วนรายละเอียดนั้นยังไม่สามารถเปิดได้ในขณะนี้

โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีรายได้จากการจำหน่ายรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่ 80 ล้านบาท หรือโตเพิ่มขึ้น 10-20% มียอดการจำหน่ายอยู่ที่ 5,000 คัน สวนกระแสกับตลาดของสกู๊ตเตอร์โดยรวม เห็นได้จากสถานการณ์การแข่งขันในปีนี้ จากปัจจัยประกอบทั้งทางด้านการเมือง ภาวะน้ำท่วม ซึ่งส่งผลให้ประชาชนไม่มีความมั่นใจมากนัก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อของตลาดรถสกู๊ตเตอร์ ประกอบกับการที่มีคู่แข่งเข้ามาทำตลาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้คาดว่าตลาดรถสกู๊ตเตอร์โดยรวมจะมีอัตราการเติบ โตไม่ถึง 10% ในปีนี้

"รถสกู๊ตเตอร์ที่บริษัทจำหน่ายทั้งหมดนั้น ได้นำเข้ามาจากประเทศจีนโดยตรง ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าค่อนข้างดี ประกอบกับแนวโน้มของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เราหวังว่าจากกระแสดังกล่าว จะส่งผลต่อยอดขายของบริษัท ที่คนจะเริ่มให้ความสำคัญกับการประหยัดน้ำมัน และหันมาใช้รถสกู๊ตเตอร์เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน"

สำหรับสกู๊ตเตอร์ที่บริษัทนำเข้ามาจำหน่ายนั้น มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 6,900 บาทไปจนถึง 200,000 บาท ปัจจุบัน บริษัทมีสกู๊ตเตอร์จำหน่าย 3 ประเภทหลัก คือ

1. ประเภทออนเดอะโรด มีจำนวน 5 รุ่น คิดเป็นสัดส่วน 40% ของยอดจำหน่าย
2. สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเพื่อการสันทนาการ ใช้ในโรงงาน หมู่บ้านทั้งแบบ 2 ล้อ และ 3 ล้อ คิดเป็นสัด ส่วน40% ของยอดจำหน่ายทั้งหมด และ
3. สกู๊ตเตอร์เอทีวี ที่มีทั้งระบบไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิง คิดเป็นสัดส่วน 20% ของยอดจำหน่ายทั้งหมด

ส่วนกลุ่มลูกค้าจะเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายแตกต่างกันออกไป ทั้งกลุ่มที่ซื้อไว้ใช้เพื่อเป็นพาหนะในหมู่บ้าน กลุ่มผู้หญิงที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งปัจจุบันลูกค้าเริ่มหันมาให้ความสำคัญในเรื่องของความประหยัดเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะทำตลาดในส่วนของสกู๊ตเตอร์ ไฮบริด ที่สามารถใช้พลังงานทั้งน้ำมันและไฟฟ้าเป็นเชื้อเพลิง ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร โดยจะมุ่งเน้นทำตลาดในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกเป็นหลัก

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายของรถสกู๊ต เตอร์ ที-ยูไนเต็ดนั้น ปัจจุบันมีจำหน่ายอยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ทั้งเซ็นทรัล เดอะมอลล์ โดย อนาคตบริษัทเตรียมแผนงานที่จะเปิดศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วย

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างขั้นตอนของการศึกษาความเป็นไปได้ ในการนำรถจักรยานยนต์สกู๊ตเตอร์ขนาด 750-1,000 ซีซี เข้ามาทำตลาด เนื่องจากเล็งเห็นถึงพฤติกรรมของคนไทยส่วนใหญ่ที่ชื่นชอบความเร็วและแรงของรถ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่บริษัทจะนำรถที่มีขนาดซีซีสูงเข้ามาทำตลาดต่อไป