ร่วมงานกับเรา
ข่าวสารรถจักรยานยนต์ทั่วไป > ลุ้นซูซูกิย้ายฐานผลิต เล็งเลือก 4 ประเทศรวมทั้งไทย
ลุ้นซูซูกิย้ายฐานผลิต เล็งเลือก 4 ประเทศรวมทั้งไทย
ที่มา - นสพ.โพสต์ทูเดย์ วันที่ 12 ก.ย.54

ซูซูกิมีหวัง รับบริษัทแม่ศึกษาย้ายฐานผลิตรถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ 250 ซีซี แต่หวั่นนโยบายขึ้นค่าจ้างส่งผลกระทบต้นทุนผลิต

นายมาซาโนบุ ไซโต้ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ เปิดเผยว่า จากการที่ค่าเงินเยนแข็งตัวในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทแม่อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อย้ายฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาด 250 ซีซี ไปไว้ในประเทศที่ต้นทุนการผลิตถูกกว่า ซึ่งประเทศไทยก็ได้รับการพิจารณาร่วมกับจีนไต้หวัน และอินโดนีเซีย

ทั้งนี้ ตลาดรถจักรยานยนต์ขนาด 250 ซีซี ถือเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีศักยภาพในประเทศไทยซึ่งจะเข้ามาช่วยผลักดันตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ของบริษัทได้ โดยคาดว่าหากทำตลาดจะทำราคาที่ระดับต่ำกว่า 2 แสนบาทถูกกว่ารถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน 2 รุ่น ที่ราคาประมาณ 8 แสนบาท และมียอดขายราวปีละ 20 คันเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องติดตามนโยบายของรัฐบาลใหม่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องของการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของรถจักรยานยนต์ทันที จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ และอาจจะมีการปรับขึ้นเป็นขั้นตอน เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

สำหรับการทำตลาดรถจักรยานยนต์ของซูซูกิในประเทศไทย ล่าสุดได้มีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ใหม่อีก 2 รุ่น ได้แก่ ซูซูกิ โชกัน แอ๊คเซโล่ 125 ซึ่งได้รับการปรับรูปลักษณ์ใหม่ให้มีความสปอร์ต เพื่อเจาะกลุ่มรถครอบครัวระดับพรีเมียม และซูซูกิ เจลาโต้ แจ็ค 999 รถออโตเมติกโฉมใหม่ โดยคาดว่าจะมียอดจำหน่ายรวมที่ระดับ3,000-4,000 คันต่อเดือน

ทั้งนี้ ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ซูซูกิมียอดจำหน่าย 5.3 หมื่นคันเติบโตจากปีที่ผ่านมา 15-16% มีส่วนแบ่งตลาด 4% จากตลาดรวม1.4 ล้านคันที่เติบโต 15% ซึ่งหลังการเปิดตัวสินค้าใหม่ เชื่อว่ายอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ของซูซูกิในปีนี้จะทำได้ 1 แสนคัน หรือมีส่วนแบ่งตลาด 5% จากตลาดรวม 2 ล้านคันตามเป้าหมาย

นายไซโต้ กล่าวว่า นอกจากการเปิดตัวสินค้าใหม่แล้ว บริษัทจะร่วมมือกับบริษัท ซูซูกิ ลีสซิ่ง ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการเงินในการขยายการให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์จากที่ให้บริการอยู่แล้วใน 20 จังหวัดทั่วประเทศ และมีส่วนแบ่งการขายอยู่ประมาณ 40% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าหากขยายการให้บริการให้ครอบคลุม จะสามารถเพิ่มยอดขายในทุกภูมิภาคได้อีกมากในอนาคต