ร่วมงานกับเรา
ข่าวสารรถจักรยานยนต์ทั่วไป > 2550 > ฮอนด้าทุ่ม 900 ล้านขยายศูนย์วิจัย
ฮอนด้าทุ่ม 900 ล้านขยายศูนย์วิจัย
ที่มา - ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 21 ก.ค.50

ฮอนด้า ได้ฤกษ์ขยายศูนย์วิจัยและพัฒนารถจักรยานยนต์ ทุ่มทุน 900 ล้าน ปั้นไทยเป็นศูนย์กลางวิจัย คาดแล้วเสร็จไม่ต้องพึ่งญี่ปุ่น ออกรถใหม่ทันใจตลาด

นายทัตสึฮิโร่ โอยาม่า ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอบริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า การตัดสินใจขยายหน่วยปฏิบัติงานของ ฮอนด้า อาร์ แอนด์ ดี เซ้าท์อีสท์ เอเชีย โดยทุ่มทุนถึง 900 ล้านบาท แสดงถึงความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการวิจัย พัฒนาและออกแบบรถจักรยานยนต์ในภูมิภาค

เมื่อการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ศูนย์ ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เซ้าท์อีสท์ เอเชีย จะสามารถวิจัย พัฒนา และการออกแบบเชิงวิศวกรรมที่ลึกซึ้ง ตลอดจนปฏิบัติงานอย่างเป็นอิสระจากหน่วยงานวิจัยและพัฒนาในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้ฮอนด้าสามารถสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่นได้รวดเร็วขึ้น และส่งเสริมศักยภาพของผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทย ทั้งยังช่วยสร้างงานกว่า 100 อัตราอีกด้วย

สำหรับศูนย์วิจัยแห่งใหม่จะตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกันกับศูนย์วิจัยปัจจุบันในเขตลาดกระบัง บนพื้นที่รวม 110 ไร่ ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนารถจักรยานยนต์ของฮอนด้าที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม ปี 2551

ทั้งนี้ บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เซ้าท์อีสท์ เอเชีย จำกัด เปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2547 โดยลงทุนเบื้องต้น 850 ล้านบาท ในการสร้างอาคารสำนักงานมีพื้นที่รวมกว่า 8,900 ตารางเมตร ศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งนี้ ดูแลและรับผิดชอบด้านการวิจัยตลาด การออกแบบผลิตภัณฑ์ การพัฒนาวิศวกรรม การผลิตและทดสอบรถจักรยานยนต์ต้นแบบทุกรุ่นที่จำหน่ายในภูมิภาคเอเชีย และโอเชียเนีย

นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในขณะเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ว่า “การขยายศูนย์วิจัยและพัฒนาของฮอนด้าในครั้งนี้ถือว่าสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าการขยายงานของบริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เซ้าท์อีสท์ เอเชีย จะมีส่วนเร่งให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคเอเชีย”