ร่วมงานกับเรา
ข่าวสารรถจักรยานยนต์ทั่วไป > 2548 > สองล้อ เมินแคมเปญเก็บรถเก่า
"สองล้อ" เมินแคมเปญเก็บรถเก่า ไทเกอร์ฟุ้งเดือนเดียว 1,000 ราย
ที่มา - ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 7 เมษายน 2548

ฮอนด้า-ยามาฮา-ซูซูกิ ไม่สนโครงการรับซื้อคืนมอเตอร์ไซค์ 2 จังหวะ เดินหน้าลุยอัดแคมเปญกระตุ้นตลาดต่อ ย้ำตลาดปีนี้โตไม่แตกต่างจากปีที่แล้ว พร้อมหันหน้าปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เน้นการปรับปรุงโชว์รูม เร่งสร้างความพึงพอใจของลูกค้า ด้าน ไทเกอร์ ปลื้มเทงบฯ 15 ล้านนำร่อง แค่เดือนเดียวมีลูกค้าสนใจกว่า 1,000 ราย

นายเลิศศักดิ์ รัตนวิมาน ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ซูซูกิ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจากกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำโครงการเก็บรถมอเตอร์ไซค์ 2 จังหวะเก่าออกจากถนน ด้วยการขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ขณะนี้ ซูซูกิ ยังไม่มีความพร้อม แต่ยืนยันว่าโครงการนี้มีประโยชน์และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่ช่วงนี้ ซูซูกิ ยังคงใช้แนวทางการกระตุ้นตลาดด้วยแคมเปญและมาตรการส่งเสริมการขายที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง

นายเลิศศักดิ์กล่าวว่า หลังจากการเปิดตัวแคมเปญ Life is Action ที่นำ 2 พรีเซ็นเตอร์ ทาทา ยัง และวัง ลี ฮอม มาสร้างปฏิบัติการคืนชีวิต (ชีวา) เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ หวังกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นนั้น แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมายอดการจำหน่ายจะยังไม่เป็นไปตามเป้า แต่เป้าที่ตั้งไว้ที่ 2.9 แสนคัน หรือ 14% ของตลาดร่วม ดูจากผลประกอบการ 3 เดือนแรกอยู่ที่ 62,000 คัน โดยรถครอบครัวยังคงครองสัดส่วนมากที่สุดถึง 90% ถือว่าใช้ได้

"แม้ว่าภายในช่วง 2 เดือนแรกของปียอดการจำหน่ายจะตกลงมา แต่พอเข้าสู่ช่วงเดือนที่ 3 ยอดการจำหน่ายดีขึ้น ซึ่งสวนทางกับตลาดรวมที่ในช่วง 1-2 เดือนแรกมียอดขายสูง เป็นผลมาจากแคมเปญ Life is Action ทำให้มั่นใจว่าภายในปีนี้จะสามารถทำตามยอดที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน ในส่วนของตลาดรวมนั้นเชื่อว่าจะยังคงมีอัตราการเติบโตไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมามากนัก" นอกจากนี้ ซูซูกิ จะยังคงให้ความสำคัญกับการปรับปรุงโชว์รูมกว่า 500 แห่งทั่วประเทศให้ได้มาตรฐานและทันสมัยยิ่งขึ้น

เช่นเดียวกับนายประพนธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด ยืนยันว่า การเข้าร่วมโครงการเก็บรถเก่า 2 จังหวะออกจากท้องถนนของกรมควบคุมมลพิษนั้น ยังไม่ได้มีการติดต่อประสานงานกันแต่อย่างใด แต่หากมีการขอควมร่วมมือมาก็พร้อมให้การสนับสนุน

ส่วนการตั้งเป้ายอดจำหน่ายในปีนี้ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงจาก 400,000 คันแต่อย่างใด โดยยังคงเน้นไปในกลุ่มตลาดออโตเมติกถึง 70% ที่เหลือ 30% เป็นตลาดทั่วไป ภายในระยะเวลา 2-3 ปีนี้คาดว่าตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกจะมีการเติบโตถึง 40% ของตลาดรวม ถ้าคู่แข่งส่งเกียร์ออโตเมติก ออกสูงตลาด สัดส่วนอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 70-80% โดยในระยะเวลาเพียง 2 เดือนแรก ยามาฮ่า มียอดจำหน่ายสูงถึง 47,923 คัน ทั้งนี้ในส่วนของภาวะการแข่งขันในตลาดนั้น ภาวะการแข่งขันยังคงไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา โดย ยามาฮ่า ยังคงเน้นกิจกรรมส่งเสริมการตลาด พร้อมการปรับปรุงโชว์รูมใหม่

"ยามาฮ่าสแควร์ ถือเป็นโชว์รูมที่เราตั้งใจให้มีความทันสมัย โดยเน้นไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน โดยตั้งเป้าปีนี้ไว้ที่ 120 สาขา เพื่อให้เป็นโชว์รูมที่แตกต่างจากโชว์รูมทั่วไปในแบบฉบับ "ไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง" ที่รวบรวมทั้งเสื้อผ้า, อุปกรณ์ตกแต่ง, มุมกาแฟ และอินเทอร์เน็ตเข้าไว้ด้วยกัน

ขณะที่นายอนันตพล จิรวัฒนกร ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท เจอาร์ดี จำกัด ผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์สัญชาติมาเลเซีย เปิดเผยยอดจำหน่ายในช่วง 3 เดือนแรกถือว่าประสบความสำเร็จ และเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก โดยมียอดจำหน่าย 3,500 คัน แบ่งเป็นสกูตเตอร์ 70% รถจักรยานยนต์รุ่นใหญ่ 150 ซีซี และรถจักรยานยนต์ครอบครัว 110 ซีซี 30% ทั้งนี้ เจอาร์ดี เตรียมส่ง "สโนที" รถสกูตเตอร์รุ่นใหม่ออกมาตีตลาดในเดือนพฤษภาคม

"สำหรับตลาดรวมนั้น จะไม่โตเท่าใดนัก เนื่อง จากปัจจัยและผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจ และราคาน้ำมัน ซึ่งเราพยายามรักษาอันดับในตลาด ประกอบกับการนำเข้ารถจักรยานยนต์จากประเทศจีน ที่เข้ามาตีตลาดของ เจอาร์ดี โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นแพลทินัม, ฮาร์ดี้ ซึ่งถือเป็นคู่แข่งของเราโดยตรง"

ส่วนการปรับปรุงโชว์รูมในรูปแบบใหม่ "เจอาร์ดี อารีน่า" ที่เน้นสะดวกสบายและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า หลังจากที่เปิดในสาขาหาดใหญ่ ภูเก็ต และกรุงเทพฯ ตั้งเป้าเปิด 10 แห่งภายในปีนี้ เน้นเจาะกลุ่มตลาดหัวเมืองใหญ่ๆ คือ นคร ราชสีมา, ขอนแก่น และสุพรรณบุรี เป็นต้น ปัจจุบันมีดีลเลอร์กว่า 300 แห่งทั่วประเทศ พร้อมตั้งเป้าปลายปีจะมีดีลเลอร์ 500 แห่ง

ทั้งนี้ ในส่วนของการรับซื้อรถจักรยานยนต์คืนของกรมควบคุมมลพิษนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่คาดว่าเจอาร์ดีจะไม่รับซื้อคืน แต่จะดำเนินการในลักษณะการแลกเปลี่ยนกัน โดยตั้งราคาอยู่ที่ 3,000-3,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ก่อนสงกรานต์นี้

แหล่งข่าวจากบริษัทเอ.พี. ฮอนด้า เปิดเผยว่า ยอดการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมามียอดการจำหน่ายถึง 335,807 คัน โดยยอดขายในเดือนกุมภาพันธ์มียอดลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ 164,564 คัน และในปีนี้ยังมั่นใจว่าฮอนด้าจะครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่อันดับ 1 เช่นเคย ทั้งนี้ได้มีการเปิดตัว พรีเซ็นเตอร์คนใหม่คือ นักร้องวงบิ๊กแอส ซึ่งจะเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดในส่วนของกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นเพิ่มขึ้น ส่วนอัตราการเติบโตในตลาดรวมนั้นยังคงไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมามากนัก

ส่วนการเข้าร่วมโครงการรับซื้อจักรยานยนต์คืนของกรมควบคุมมลพิษนั้น ทางฮอนด้ายังไม่มีโครง การดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้ฮอนด้าได้มีโครงการรับซื้อรถจักรยานยนต์คืนจากลูกค้าอยู่แล้ว โดยจะตีราคาตามสภาพการใช้งานตามมาตรฐานราคาต่อการแลกรถจักรยานยนต์มือสอง ฮอนด้าคิดตามปีจดทะเบียน ในส่วนของศูนย์บริการ โชว์รูม ซึ่งปัจจุบันมีอยู่จำนวนกว่า 750 แห่งทั่วประเทศนั้น ฮอนด้าจะยังชะลอการขายโชว์รูมเอาไว้ก่อน ซึ่งมั่นใจว่าศูนย์บริการตอนนี้ครอบคลุมทุกพื้นที่การให้บริการ แต่ยังหันไปเน้นมาตรฐานคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการทำกิจกรรมรวมกับตัวแทนผู้จำหน่าย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และความใกล้ชิด สำหรับกลุ่มเป้าหมาย

รายงานข่าวจากบริษัท ไทก้า มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากทุ่มงบประมาณ 15 ล้านบาทกับโครงการรับซื้อรถจักรยานยนต์ 2 จังหวะคืน เพื่อแลกรถ 4 จังหวะคันใหม่ของค่ายไทเกอร์ร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก หลังจากมีการเปิดให้ลงทะเบียนในงานมอเตอร์โชว์มีผู้สนใจลงทะเบียนจำนวน 508 ราย และในงานกาชาดอีก 700 ราย ปรากฏว่ามีผู้ผ่านการพิจารณากว่า 500 ราย ทั้งนี้มีการตั้งเป้าการรับซื้อคืนในลอตแรกจำนวน 2,000 คัน ในกรุงเทพฯและปริมณฑล และจะนำมาใช้กับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ส่วนยอดการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ไทเกอร์ ในช่วง 3 เดือนแรก คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 14,000 คัน เนื่องจากการจัดส่งรถจักรยานยนต์ให้ดีลเลอร์เฉลี่ยเดือนละ 5,000 คัน โดยใน 2 เดือนแรกไทเกอร์ สามารถขึ้นเป็นอันดับ 2 ของสัดส่วนการขายรถรองจากค่าย ยามาฮ่า ที่ 9,664 คัน แซงหน้า คาวาซากิ ที่มียอดขายเพียง 2,845 คัน เป็นผลเนื่องจากการทำการตลาดตลอดระยะเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมาได้หันมาทำการตลาดแบบจริงจัง