ร่วมงานกับเรา
ข่าวสารรถจักรยานยนต์ทั่วไป > 2549 > สงครามสกู๊ตเตอร์ปะทุรับปี 49
สงครามสกู๊ตเตอร์ปะทุรับปี 49 Click ภารกิจชิงแชร์ ยามาฮ่า-ซูซูกิ
ที่มา – บิสสิเนสไทย วันที่ 23 ม.ค.49

ต้นปี 2549 สมรภูมิตลาดสกู๊ตเตอร์เดือดปะทุ หลังผู้นำตลาดมานาน 18 ปี เอ.พี.ฮอนด้า กระโจนลงสนามแบบเต็มตัว ประเดิมส่ง "Click" ชิมลาง 6 เดือน หวังสร้างการรับรู้ของสาวกของ ฮอนด้า ก่อนจะส่งรุ่นต่อไปกลางปี ส่วน ยามาฮ่า-ซูซูกิ เตรียมระเบิดโปรโมชันสุดแรง สกัดความแรงของผู้นำ

แน่นอนแล้วว่าตลาดสกู๊ตเตอร์ปี 2549 เมืองไทย 5 ค่ายยี่ห้อดังลงสนามอย่างพร้อมเพรียงไม่ว่าจะเป็น ยามาฮ่า ซูซูกิ เจอาร์ดี แพลตตินั่ม และ เอ.พี.ฮอนด้า ซึ่งรายหลังนี้มีดีกรีเป็นถึงผู้นำตลาดมอเตอร์ไซค์เมืองไทยมานานกว่า 18 ปีขาดเพียง ไทเกอร์ ที่พร้อมจะเปิดตัวกลางปีนี้ ส่วน คาวาซากิ คงเมินตลาดกลุ่มนี้ เพราะมุ่งมั่นกลุ่มสปอร์ตเพียงอย่างเดียว

เอ.พี.ฮอนด้า กับดาวรุ่งดวงแรกของค่าย Click ในรุ่น 110 ซีซี. จำเป็นต้องกระโจนสู่สนามตั้งแต่ต้นปี เพราะผู้บริหาร เอ.พี.ฮอนด้า ต้องการจะมีส่วนร่วมในตลาดนี้อย่างจริงจัง หลังต้องทนกินน้ำใต้ศอกค่ายคู่แข่ง 4 ยี่ห้อมานานเกือบ 2 ปี

แต่ตลาดสกู๊ตเตอร์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมายังถือเป็นช่วงตั้งไข่ของหลายผู้เล่นอย่าง ยามาฮ่า ซูซูกิ เจอาร์ดี เพราะยอดจำหน่ายในตลาดยังมีปริมาณการเติบโตเพียง 3 แสนกว่าคันเท่านั้น เล็กกว่าเกือบ 7 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดรถครอบครัวที่มีปริมาณการขายในปี 2548 ที่คาดการณ์ว่าจะมียอดจำหน่ายรวมกันทุกยี่ห้อ 2.1 ล้านคัน โดยความต้องการในผู้ใช้ในกลุ่มสกู๊ตเตอร์ที่หลายฝ่ายเชื่อว่า จะเป็นตัวแทนของรถครอบครัวในอีก 5 ปีข้างหน้า ทำให้เจ้าของสินค้าทุกยี่ห้อต่างมีการพัฒนาสินค้าขึ้นมารองรับกลุ่มเป้าหมายตลอดเวลา โดยลูกค้ากลุ่มหลักย่อมหนีไม่พ้นวัยรุ่นที่ทุกวันนี้ มีกำลังซื้อมากขึ้นตามลำดับ

เริ่มจากแบรนด์ ยามาฮ่า จากค่าย ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ครองตำแหน่งผู้นำมานานกว่า 2 ปี เพราะช่วงนั้นยังไม่มีคู่แข่งหน้าใหม่ส่งรถเข้ามาประกบ จนเมื่อค่าย ไทยซูซูกิ มอเตอร์ จำกัด ส่งรุ่น "สเตป 125" ซึ่งมีจุดเด่นที่ระบบเกียร์อัตโนมัติ SuperCVT 4 จังหวะในราคา 40,500-42,000 บาท เข้ามาท้าชิง ยังไม่สามารถขึ้นมาเทียบชั้นกับ ยามาฮ่า ได้โดยดูจากยอดขายที่มีเพียง 7,000 กว่าคัน น้อยกว่า ยามาฮ่า ที่มียอดขาย 11 เดือนด้วยจำนวนยอดขายประมาณ 35,000 คัน

"Click" คันเกียร์ออร์โต้
ความแรงของสินค้าบวกกับการยอมรับในสินค้ารุ่นนูโว และมีโอ จาก ไทยยามาฮ่า สร้างทางเลือกในกลุ่มสกู๊ตเตอร์ระดับล่าง-กลาง-บน โดยดูจากราคาที่ตั้งไว้ของยามาฮ่า นูโว ประมาณ 45,000 บาท และมีโอ ราคาประมาณ 33,900-35,700 บาท ลูกค้าจึงมีตัวเลือกให้สรรหาเป็นเจ้าของในราคาตามแต่กำลังซื้อ

แต่การลั่นกลองรบจากค่าย เอ.พี.ฮอนด้า หลังการเปิดตัว "Click" โมโตฮิเดะ ซูโดะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เชื่อมั่นว่า โมเดลใหม่รุ่นนี้จะทำให้ตลาดรถเกียร์อัตโนมัติมีอัตราการเติบขึ้นมาก และ ฮอนด้า ตั้งเป้ายอดขายรุ่น "Click" ประมาณ 2.5 แสนคันในปีนี้

"เราเชื่อว่า Click จะเป็นส่วนหนึ่งให้ตลาดมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้ขยายตัว ซึ่งยอดขายปีที่แล้วทั้งตลาดประมาณ 4 แสนคัน แต่จากนี้ไปความต้องการจะขยายตัวเพิ่มเป็น 5 แสนคันในเร็วๆ นี้ "

การตั้งเป้ายอดขายมากกว่า 250,000 คัน "Click" จึงถูกมอบหมายภารกิจให้เป็นตำทำเกมบุก เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดจาก ยามาฮ่า และ ซูซูกิ ให้เร็วที่สุด แต่การชิงแชร์สลับขั้วมาจาก 2 คู่แข่ง อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โดยเฉพาะในสถานการณ์มอเตอร์ไซค์ยุคอิ่มตัวเช่นนี้

ทั้งนี้ การเปิดราคาขาย "Click" ทั้ง 3 รุ่นประกอบด้วย Click Start ราคา 42,000 บาท รุ่น Click Tune-Up 44,000 บาท และรุ่นClick Forward ซึ่งเป็นรุ่นท็อป ราคา 47,500 บาทอยู่ระหว่างกลางราคาขายกับค่ายคู่แข่งของยามาฮ่า นูโว และ มีโอ ซึ่งมีโอกาส Switching Brand มีโอกาสพอสมควร สิ่งที่ผู้บริหาร เอ.พี.ฮอนด้า มั่นใจมากที่สุดในการเปิดเกมบุกครั้งนี้ คือ นวัตกรรมจุดเด่นการระบายความร้อนด้วยน้ำ สามารถตอบสนองความแรงของเครื่องยนต์ได้ดีกว่าการระบายความร้อนด้วยอากาศที่มีอยู่ในสินค้าของคู่แข่งนั่นเอง แม้ว่าเครื่องยนต์จะมีกำลังแรงม้าเพียง 110 ซีซี. น้อยกว่าคู่แข่งทั้ง ยามาฮ่า และ ซูซูกิ ที่มีเครื่องยนต์ตั้งแต่ 125-135 ซีซีก็ตาม

"การเติมนวัตกรรมลงไป ผมเชื่อว่า จะสู้กับคู่แข่งได้อย่างแน่นอน" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า กล่าวย้ำ

ฝ่ากระแสขาลง อัดแคมเปญดันยอด
แม้ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ในปีที่ผ่านมามียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 2.1 ล้านคันแต่ถือว่าเข้าสู่ยุคอิ่มตัวอย่างมาก เพราะอัตราการเติบโตเพียง 3% ลดลงประมาณ 10% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2547 ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้นำตลาดจะประมาณการการเติบโตปี 2549 ไว้เพียง 2% คิดเป็นสัดส่วนยอดขายเพียง 2.15 ล้านคัน โดย เอ.พี.ฮอนด้า ตั้งเป้ายอดขายไว้ในปีนี้ 1.5 ล้านคัน

แนวทางฝ่าทางตันในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมหนีไม่พ้นการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายนั่นเอง ซึ่งทางผู้บริหาร เอ.พี.ฮอนด้า เข้าใจสภาพตลาดเป็นอย่างดี จึงเตรียมการกระตุ้นยอดการซื้อรถ ฮอนด้า ผ่านกิจกรรมลุ้นรับโชค "ลุ้นรถอีกคัน เพื่อคนที่คุณรัก" นั้นหมายความว่า ลูกค้าที่ซื้อรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ทุกรุ่น หมดเขต 31 มีนาคม 2549 มีสิทธิ์ร่วมลุ้นโชคใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 125 อาร์ 1 คัน โดยจะมีการแจกทุกสัปดาห์สัปดาห์ละ 100 คัน ตลอดช่วงไตรมาสแรกรวมจำนวน 1,200 คัน มูลค่ากว่า 48 ล้านบาท

เช่นเดียวกับค่าย ยามาฮ่า และ ซูซูกิ เตรียมระเบิดแคมเปญส่งเสริมการขายเช่นกัน เพราะอย่างน้อยกลยุทธ์ ลด แลก แจก แถม เป็นแรงกระตุ้นชั้นดีให้เกิดการขายตามมาแบบถล่มทลาย โดยนางจินตนา อุดมทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด ไทยยามาฮ่า ยอมรับว่า ปีนี้การขายรถมอเตอร์ไซค์อาจลำบากมากขึ้น เพราะสภาพเศรษฐกิจที่หลายฝ่ายเชื่อว่า ยังต้องรอทิศทางอย่างชัดเจนอีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดการใช้โปรโมชันลด แลก แจก แถม ดาวน์น้อย เข้ามาใช้จะเป็นตัวกระตุ้นการซื้อ-ขายได้ดีในภาวะตลาดขาลงเช่นนี้

ขณะที่พันธกิจของค่าย ซูซูกิ ในปี 2549 นายเลิศศักดิ์ นววิมาน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด บอกว่า ซูซูกิ วางหมากอัดแน่นทั้งการโฆษณา การประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมที่เข้าถึงผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องเพื่อสานต่อความสำเร็จของแคมเปญ "Suzuki Life is Action" ในการสร้างภาพลักษณ์ของซูซูกิต่อสู้กับคู่แข่งต่อไป