"ซูซูกิ" ทุ่ม 500 ล้าน เปิดดีลเลอร์ตัวเองเพิ่ม ดึงลูกหม้อเก่าทำตลาดหวังกู้ยอดขาย ประกาศส่ง 2 รุ่นใหม่ทำตลาดในช่วงครึ่งปีแรกหวังเพิ่มยอดเป็น 2 แสนคัน ด้าน "เอ.พี.ฮอนด้า" เตรียมเดินหน้าปรับปรุง advanced CSI อีก 100 สาขาในปีนี้ มั่นใจยอดจดทะเบียนปีนี้แตะ 1.9 ล้านคัน
นายมาซาโนบุ ไซโต้ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทไทยซูซูกิมอเตอร์ เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทเตรียมงบประมาณมูลค่า 500 ล้านบาท หลังจากที่ยอดจำหน่ายของซูซูกิหดตัวลงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในปีที่ผ่านมาที่หดตัวลงไปกว่า 25% บริษัทจึงได้ปรับแผนการทำงานใหม่เพื่อรองรับสถาน การณ์ดังกล่าว
สำหรับแผนงานหลักในปีนี้บริษัทจะมีการเปิดตัวแทนจำหน่ายของบริษัทเองในพื้นที่ 62 จังหวัด ที่เดิมรับผิดชอบโดยบริษัท เอส.พี.ซูซูกิ โดยการบริหารงานจะแยกจากกันและทั้ง 2 ฝ่ายก็มีสิทธิ์ในการขยายการทำตลาดของตัวเองต่อไป ซึ่งจะทำให้บริษัทมีดิสทริบิวเตอร์หลัก 3 ราย คือ ไทยซูซูกิ เอส.พี.ซูซูกิ และบ้านซูซูกิ ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้
ในช่วงปีแรกของแผนงานดังกล่าว บริษัทคาดว่าจะมีการตั้งตัวแทนของไทยซูซูกิประมาณ 40 รายในพื้นที่ที่เป็นจุดอ่อนทางด้านการขายที่ผ่านมา พร้อมตั้งเป้ามียอดการจำหน่ายไม่น้อยกว่า 20,000 คันในปีนี้ ส่วนแผนการขยายเครือข่ายคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคตต่อไป ซึ่งบริษัทยังไม่มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน
ทั้งนี้บริษัทได้ตัดสินใจถึงการดึงตัวนายเคนจิ ยามาโมโต้ อดีตกรรมการผู้อำนวยการ และนายโคอิชิโร่ ฮิราโอะ อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ เข้ามารับผิดชอบในการดูแลและขยายเครือข่ายในครั้งนี้ด้วย
"เราเชื่อว่าการที่บริษัทแม่เข้ามาทำในส่วนของการเปิดเครือข่ายครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินของ เอส.พี.ฯ โดยเฉพาะในเรื่องของภาพลักษณ์ เนื่องจากเรามองว่าแต่ละฝ่ายต่างมีจุดมุ่งหมายและสามารถดำเนินธุรกิจร่วมกันได้ และเราเชื่อว่าการปรับเปลี่ยนครั้งนี้จะทำให้ยอดการจำหน่ายของเราโตเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน"
ส่วนแผนเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่นั้น ปีนี้บริษัทตั้งเป้าเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่างน้อยๆ 2 รุ่นในช่วงครึ่งปีแรก คือ รถจักรยานยนต์ครอบครัวรุ่นใหม่ 1 รุ่น และรถจักรยานยนต์ออโตเมติกรุ่นฮายาเต้ 125 ที่เพิ่งเปิดตัวไป ซึ่งคาดว่าจะมียอดการจำหน่ายอยู่ที่ 40,000 คันในปีนี้ นอกจากนี้บริษัทยังได้ร่วมกับบริษัทซูซูกิ มอเตอร์อาร์แอนด์ดี เอเชีย (เอสเอ็มอาร์เอ) ในการพัฒนารถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มรถสกูตเตอร์
สำหรับปีนี้บริษัทคาดว่าจะมียอดการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ 200,000 คัน โตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 150,000 คัน โดยคาดว่ารถธงที่จะเป็นตัวทำตลาดยังคงเป็นรถในกลุ่มจักรยานยนต์ ออโตเมติกที่คาดว่าจะมีสัดส่วนการขายมากถึง 60% ในปีนี้
"ผมยังเชื่อมั่นว่ายอดจำหน่ายที่ลดลงไปไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทในการทำตลาดสักเท่าใด แต่ก็เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องเร่งเพิ่มปริมาณรถจักรยานยนต์ของซูซูกิที่วิ่งอยู่บนท้องถนนให้ได้มากที่สุด ซึ่งปีนี้เราจะมีกิจกรรมทางการตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีอย่างแน่นอน"
ด้านนายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด รายงานสรุปสภาพการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในปี พ.ศ.2549 ที่ผ่านมา พบว่ามีการจดทะเบียนแจ้งย้ายที่ 2,061,610 คัน มีอัตราการเติบโตลดลง 2% หรือ 41,937 คัน โดยฮอนด้ายังคงมียอดการจำหน่ายสูงสุดอยู่ที่ 1,335,104 คัน มีส่วนแบ่งคิดเป็น 65% ของตลาดรวม อันดับ 2 ยามาฮ่า มียอดการจำหน่ายอยู่ที่ 475,823 คัน มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 23% ของตลาดรวม และซูซูกิมียอดการจำหน่ายอยู่ที่ 205,302 คัน มีส่วนแบ่งในตลาดอยู่ที่ 10% ของตลาดรวม
โดยในปีที่ผ่านมานั้นพบว่าตลาดรถจักรยานยนต์ไทยได้รับผลกระทบจากภาวะเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการเกษตร โดยเฉพาะภาคเกษตรกรเมื่อรายได้หลักถูกกระทบ กำลังซื้อยิ่งถดถอย จึงเกิดการชะลอซื้อรถจักร ยานยนต์ ทำให้การจำหน่ายของรถจักรยานยนต์ แบบครอบครัวซึ่งเป็นรถของคนส่วนใหญ่ที่ใช้ได้ทั้งครอบครัวมีสัดส่วนลดลงถึง 30%
สำหรับในปี พ.ศ.2550 คาดว่าตัวเลขการจดทะเบียนป้ายวงกลมซึ่งเป็นยอดการจำหน่ายจริงถึงผู้ใช้น่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่ 1,900,000 คัน
นอกจากนี้บริษัทมีแผนปรับเปลี่ยนรูปแบบร้านเป็นแบบ advanced CSI เพื่อรองรับผู้ใช้ทุกกลุ่มทุกวัยในรูปแบบใหม่ทันสมัยยิ่งขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Advanced & Friendly จากปีที่แล้วได้ปรับเปลี่ยนไป 121 แห่ง จากจำหน่ายทั่วประเทศทั้งสิ้น 864 แห่ง และคาดว่าในปีนี้จะมีการเพิ่มร้านในรูปแบบ advanced CSI อีก 100 แห่ง