ร่วมงานกับเรา
ข่าวสารรถจักรยานยนต์ทั่วไป > ตลาดบิ๊กไบค์เดือด เปิดศึกราคา-รถใหม่
ตลาดบิ๊กไบค์เดือด เปิดศึกราคา-รถใหม่
ที่มา - ASTV ผู้จัดการรายวัน วันที่ 28 ก.ย.54

สังเวียนรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์ในไทยคึกคัก ทั้งหน้าเก่า-ใหม่ตบเท้าเขย่าตลาดในไทย "ดูคาติ" ประกาศส่งรถรุ่นใหม่ "มอนสเตอร์ 795" หรืออาเซียนโมเดลรถรุ่นแรกที่ประกอบในไทย เปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 ปลายปีนี้ เผยมีการปรับ และออกแบบบางส่วนใหม่ ให้เหมาะสมกับลูกค้าในอาเซียน เคาะราคา 4 แสนบาทบวกลบ 10% ขณะที่คู่แข่งตรง "เคทีเอ็ม" ไม่หวั่น สยายปีกรุกตลาดต่อเนื่อง นำเข้า"ดุ๊ก 200" มาเสริมทัพ คาดราคาประมาณ 2 แสนบาท หรือต่ำกว่า พร้อมเผยตุลาคมนี้ชัดเจน ผลเจรจาถือสิทธิ์บิ๊กไบค์แบรนด์ดังจากอิตาลี หากไม่มีอะไรผิดพลาดเปิดตัวในสิ้นปีนี้แน่นอน ราคามีตั้งแต่กว่า 6 แสนบาทไปจนเกือบ 2 ล้านบาท ด้านค่าย"คาวาซากิ" เขย่าตลาดบิ๊กไบค์อีกรอบ เปิดตัวโฉมใหม่ "อีอาร์-6 เอ็น" งานบีโอไอแฟร์เดือนพฤศจิกายนนี้ เคาะราคาไม่เกิน 2.6 แสนบาทส่วนค่าย "ซูซูกิยามาฮ่า" กำลังพิจารณาเลือกย้ายฐานผลิตจากญี่ปุ่นมาอาเซียนเชื่อไทยมีโอกาสสูงพอๆ กับอินโดนีเซีย

ไทยถือเป็นฐานผลิตรถจักรยานยนต์และมีขนาดตลาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียว แต่ในส่วนของตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่หรือกลุ่มบิ๊กไบค์ (Big Bike) ยังถือว่าน้อยมาก ซึ่งเดิมจะเป็นผู้นำเข้าอิสระขายเป็นส่วนใหญ่ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ และเจ้าของแบรนด์เริ่มนำเข้ามาทำตลาดเอง เห็นได้จาก "ยามาฮ่า"และ "ซูซูกิ" จากเดิมที่โดดเด่นเห็นจะมีเพียง"คาวาซากิ" เท่านั้น แม้แต่ "ฮอนด้า" เจ้าตลาดรถจักรยานยนต์ในไทย ยังวางแผนจะผุด"ฮอนด้า บิ๊ก วิง" โครงการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการบิ๊กไบค์มูลค่า 400-500 ล้านบาทมาหลายปี แต่ก็ต้องเลื่อนมาตลอด ซึ่งล่าสุดยืนยันว่าปี 2555 จะรุกตลาดบิ๊กไบค์แน่นอนขณะเดียวกันแบรนด์ใหม่ๆ จากยุโรปได้ตบเท้าเข้ามาทำตลาด และใช้ไทยเป็นฐานการผลิตต่อเนื่อง ทำให้ภาพการแข่งขันตลาดบิ๊กไบค์จากนี้ไป เชื่อว่าจะแข่งขันรุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่ายรถญี่ปุ่น หรือจากประเทศตะวันตกก็ตาม

"บริษัทแม่จากอิตาลีดูตลาดในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานานแล้วและเห็นว่ามีการเติบโตที่ดีมาก ในแต่ละปีมียอดขายรวม จากหกร้อยเป็นหนึ่งพันคัน จากหนึ่งพันเป็นสามพันคัน จึงตัดสินใจขยายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทย เพื่อผลิตบิ๊กไบค์รุ่นมอนสเตอร์ 795 ซึ่งปลายปีนี้แฟนๆ ที่รอคอยเตรียมเจอกันได้ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 โดยพร้อมโชว์ตัวและขายจริงภายในงานด้วย"

เป็นคำกล่าวของ "อภิชาติ ลีนุตพงษ์"กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูคาทิสติ จำกัดผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ "ดูคาติ"(DUCATI) ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์ "ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง" เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ถึงความคืบหน้าในการทำตลาดหลังจากบริษัทแม่ได้ตัดสินใจเข้ามาลงทุนผลิตบิ๊กไบค์ "ดูคาติ มอนสเตอร์ 795" หรือที่เรียกว่ารุ่น "อาเซียนโมเดล" ในไทย เพื่อจำหน่ายทั่วภูมิภาคอาเซียนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

สำหรับรุ่นมอนสเตอร์ 795 บิ๊กไบค์โมเดลแรกที่จะขึ้นไลน์ประกอบ จะใช้พื้นฐานเครื่องยนต์ของรุ่น 796 (ขนาด 803 ซีซีเครื่องแอลทวิน 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศ เกียร์ 6 สปีด) แต่จับยัดลงในเฟรมของรุ่น 696 และจะมีการปรับตำแหน่งท่านั่งให้เหมาะสมกับสรีระผู้ขับขี่ในภูมิภาคนี้อย่างความสูงของเบาะถึงพื้น จากปกติประมาณ 77 ซม. เหลือประมาณ 75 ซม.และด้านรายละเอียดการเซตค่าสปริง เพื่อรับน้ำหนัก หรือในส่วนอื่นๆ อีกมาก

ส่วนสนนราคายังไม่สรุปเป็นทางการซึ่งหากดูจากรุ่นมอนสเตอร์ 796 ที่ปัจจุบันนำเข้ามาราคา 629,000 บาท หากเป็นรุ่น 795 ที่ประกอบในประเทศไม่ต้องคิดภาษีนำเข้าอาจจะลงมาเหลืออยู่ที่ประมาณ 4 แสนบาทบวกลบไม่เกิน 10% แต่ทั้งนี้ต้องรอความชัดเจนจากบริษัทแม่อีกครั้ง แต่เชื่อมั่นว่าการเปิดตัวมอนสเตอร์ 795 ที่ประกอบในไทย จะได้รับความนิยมอย่างมาก โดยถึงสิ้นปี 2556 ตั้งเป้ายอดขายเฉพาะรุ่นนี้ประมาณ 650 คัน ขณะที่แบรนด์คู่แข่งโดยตรง "เคทีเอ็ม"(KTM) จากออสเตรีย ภายใต้การทำตลาดของบริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด มองการขยับตัวของดูคาติครั้งนี้ว่า น่าจะเป็นการผลักดันให้ตลาดบิ๊กไบค์ในไทยโดยรวมขยายตัวมากขึ้น ส่วนจะส่งผลกระทบต่อเคทีเอ็มหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ แต่หากลูกค้าได้ลองขับขี่รถเคทีเอ็ม สุดท้ายสมรรถนะของรถ และสไตล์ที่แต่ละคนชื่นชอบ จะเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจซื้อของลูกค้าเอง

ด้านความคืบหน้าแผนการนำเข้า"เคทีเอ็ม ดุ๊ก200" (KTM DUKE200) มาทำตลาดช่วงปลายปีนี้ ตอนนี้กำลังรอดูการประกอบจากโรงงานที่ประเทศอินเดีย ซึ่งมีปัญหาเรื่องไลน์ผลิตนิดหน่อย ทำให้ต้องเลื่อนการผลิตจากแผนเดิมไปบ้าง ซึ่งภายใน2 สัปดาห์นี้ทางบริษัทแม่จะให้รายละเอียดอีกครั้ง แต่ยังเชื่อว่าจะนำเข้ามาทำตลาดภายในปีนี้แน่ ในราคาบวกลบประมาณ2 แสนบาท

ทั้งนี้เคทีเอ็ม ดุ๊ก 200 จะเป็นโฉมใหม่วางเครื่องยนต์ขนาด 200 ซีซี ซึ่งใช้พื้นฐานร่วมกับรุ่น 125 ที่มีผลิตและจำหน่ายอยู่ในประเทศอินเดีย โดยกลุ่มเป้าหายจะทำตลาดต่อยอดจากคนที่เคยขับขี่รุ่นเคเอสอาร์ (KSR)ของคาวาซากิ (ราคา 6 หมื่นกว่า) เพราะรูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกัน แต่มีสมรรถนะที่เหนือกว่าชัดเจน

พร้อมกันนี้บริษัทคุณค่าฯ กำลังจะเจรจากับบิ๊กไบค์จากอิตาลีอีกยี่ห้อเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายในไทย และน่าจะจบข้อสรุปได้ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ คาดว่าหากไม่มีปัญหาจะเปิดตัวได้ในช่วงก่อนสิ้นปีนี้เช่นกัน ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพียงแต่ยืนยันเป็นแบรนด์ชั้นนำของอิตาลี ราคาน่าจะอยู่ระดับ 6 แสนบาท ไปจนเกือบ 2 ล้านบาท

มากันที่ค่ายคาวาซากิที่ถูกพาดพิงถึงไม่ยอมถูกตีกินแน่นอน โดยได้มีการขยับตัวเขย่าตลาดอีกครั้ง หลังจากเปิดตัวบิ๊กไบค์"คาวาซากิ อีอาร์-6เอ็น" (ER-6n) ขนาด650 ซีซี ที่ประกอบในประเทศไทย เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ด้วยราคาสองแสนกลางๆจนได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทยอย่างมาก ล่าสุดมีข่าวว่าเตรียมจะเปิดตัวโฉมใหม่เวอร์ชั่น 2012 สู่ตลาดในงานบีโอไอแฟร์ช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้

โดยคาวาซากิ อีอาร์-6เอ็น เวอร์ชัน2012 เป็นการประกอบในประเทศเช่นเดิมเพื่อส่งขายทั่วโลก นับเป็นการปรับโฉมแบบMajor Change ทุกอย่างออกแบบใหม่หมดยกเว้นเครื่องยนต์ 649 ซีซี 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ เกียร์ 6 สปีด และโช้กหน้า-หลังที่เหมือนเดิม ซึ่งจากรายงานข่าวราคาน่าจะขยับนิดหน่อย จากรุ่นปัจจุบันอยู่ที่2.45 แสนบาท ประมาณไม่เกิน 2.6 แสนบาท

ส่วนช่องทางการขาย ล่าสุดคาวาซากิได้ปิดโชว์รูมที่ถนนพระราม 9 เพื่อให้ลูกค้าไปซื้อรถกับดีลเลอร์ที่เพิ่งเปิดใหม่แทน โดยในเขตกรุงเทพฯ มี 2 แห่ง คือ ย่านฝั่งธนบุรีเป็น บจก.โมโตฮอลิค และย่านรามคำแหงบจก.เรียล โมโตสปอร์ต ซึ่งการเปิดดีลเลอร์ขึ้นมาแทน เพื่อให้ลูกค้าสามารถหาซื้อรถได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเข้ามาที่ศูนย์ใหญ่ พระราม 9 อย่างเดียว

จากความเคลื่อนไหวเหล่านี้ แลทิศทางตลาดบิ๊กไบค์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้ค่ายรถญี่ปุ่นที่จับตลาดบิ๊กไบค์อยู่แล้ว อย่างบริษัทไทยซูซูกิ มอเตอร์ จำกัด ที่ปัจจุบันนำเข้ารุ่น "ซูซูกิ ฮายาบูซะ" และ "ซูซูกิจีเอสเอ็กซ์อาร์ 1000" มาทำตลาด เริ่มสนใจที่จะขยายโมเดลทำตลาด ประกอบกับบริษัทแม่ประสบปัญหาค่าเงินเยนแข็ง ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง จึงกำลังพิจารณาย้ายฐานการผลิตบิ๊กไบค์ขนาด 250 ซีซีออกจากญี่ปุ่นโดยมองประเทศที่มีศักยภาพการผลิตในภูมิภาคอาเซียน อย่างประเทศไทย หรืออินโดนีเซีย รวมถึงประเทศจีน และไต้หวัน

เช่นเดียวกับยามาฮ่าที่ประสบปัญหาต้นทุนการผลิตเช่นเดียวกัน เพราะมีรายงานข่าวทางสื่อหนังสือพิมพ์ว่า บริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังศึกษาและตัดสินใจว่า จะใช้ประเทศใดเป็นฐานการผลิตบิ๊กไบค์ในภูมิภาคอาเซียนนอกเหนือจากปัจุบันที่ผลิตอยู่ในญี่ปุ่นและยุโรป ซึ่งนับว่าไทย และอินโดนีเซียมีความเป็นไปได้สูง โดยคาดจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายในปีหน้า

นับว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่คึกคักทีเดียว ซึ่งไม่ว่าจะมีการเปิดตัวรถใหม่แบรนด์ใหม่ ปรับราคาต่ำลง หรือย้ายฐานการผลิตเข้ามาไทย สุดท้ายแล้ว... ประโยชน์ย่อมตกอยู่กับผู้บริโภคแน่นอน